|
แต่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 572 บัญญัติว่า "อันว่าเช่าซื้อนั้น คือสัญญาซึ่งเจ้าของเอาทรัพย์สินออกให้เช่าและให้คำมั่นว่าจะขายทรัพย์สินนั้นหรือว่าจะให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่า โดยเงื่อนไขให้ผู้เช่าได้ใช้เงินเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้คราว" แสดงว่า สัญญาเช่าซื้อจึงไม่ใช่สัญญาเช่าทรัพย์ธรรมดา แต่มีคำมั่นว่าจะขายทรัพย์โดยมีเงื่อนไขการชำระเงินกันเป็นครั้งคราวรวมอยู่ด้วย ถ้าผู้เช่าซื้อชำระเงินแก่ผู้ให้เช่าซื้อครบถ้วนตามเงื่อนไขก็จะได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้น เพียงแต่การที่ผู้ให้เช่าซื้อจะให้บุคคลใดเช่าซื้อหรือไม่อาจพิจารณาคุณสมบัติของผู้เช่าซื้อว่ามีความสามารถที่จะชำระเงินให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อครบถ้วนตามเงื่อนไขที่กำหนดหรือไม่ โดยไม่ได้พิจารณาคุณสมบัติของผู้เช่าซื้อว่าสมควรได้รับความไว้วางใจในการใช้และดูแลทรัพย์สินที่เช่าซื้อหรือไม่ดังเช่นสัญญาเช่าทรัพย์ สิทธิที่จะได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินตามสัญญาเช่าซื้อจึงไม่ใช่สิทธิเฉพาะตัว และไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายที่ห้ามตัวการมอบหมายหรือเชิดบุคคลอื่นเป็นตัวแทนทำสัญญาเช่าซื้อแทนตัวการ ตัวการจึงอาจมอบหมายหรือเชิดบุคคลอื่นที่มีความสามารถจะชำระเงินให้แก่ผู้เช่าซื้อตามเงื่อนไขที่ผู้ให้เช่าซื้อกำหนดเป็นตัวแทนทำเช่าซื้อแทนตนเองได้ ดังนั้น การที่ผู้เสียหายที่ 2 ขอให้จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อรถกระบะจากผู้เสียหายที่ 1 แทนผู้เสียหายที่ 2 โดยผู้เสียหายที่ 2 เป็นผู้ชำระเงินดาวน์แล้ว รับมอบการครอบครองรถที่เช่าซื้อและผ่อนชำระค่าเช่าซื้อ ถือได้ว่า ผู้เสียหายที่ 2 มอบหมายหรือเชิดจำเลยเป็นตัวแทนในการทำสัญญาเช่าซื้อรถกระบะจากผู้เสียหายที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 821 โดยผู้เสียหายที่ 2 เป็นตัวการไม่เปิดเผยชื่อ หาใช่ว่านิติสัมพันธ์ระหว่างผู้เสียหายที่ 2 กับจำเลยไม่ใช่เรื่องตัวการตัวแทนดังคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 2 แต่อย่างใดไม่ แม้จำเลยมีชื่อเป็นผู้เช่าซื้อ แต่จำเลยเป็นเพียงตัวแทนของผู้เสียหายที่ 2 แล้วมอบรถที่เช่าซื้อให้แก่ผู้เสียหายที่ 2 ไปแล้ว ผู้เสียหายที่ 2 จึงเป็นผู้มีสิทธิครอบครองรถที่เช่าซื้อ ส่วนจำเลยไม่มีสิทธิครอบครองรถที่เช่าซื้อ แม้ต่อมาผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งตกลงจะให้จำเลยกู้ยืมเงินเพื่อตอบแทนที่จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อรถแทนผู้เสียหายที่ 2 ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงกับจำเลยให้ครบถ้วน ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิที่จำเลยจะเอารถที่เช่าซื้อคืนจากผู้เสียหายที่ 2 การที่จำเลยเอารถที่เช่าซื้อไปจากผู้เสียหายที่ 2 เพื่อเรียกร้องให้ผู้เสียหายที่ 2 ปฏิบัติตามข้อตกลง เป็นการแย่งการครอบครองและเป็นการบังคับสิทธิทางแพ่งของตนโดยพลการ จึงเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเอง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จแล้ว แม้ต่อมาผู้เสียหายที่ 2 ตกลงจะชำระเงิน 50,000 บาท แก่จำเลยแล้วให้จำเลยคืนรถที่เช่าซื้อแก่ผู้เสียหายที่ 2 ที่บริษัทโตโยต้าตราด ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด และเมื่อถึงวันเวลานัด จำเลยขับรถที่เช่าซื้อไปรอผู้เสียหายที่ 2 ก็หาทำให้การกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ที่สำเร็จแล้วกลายเป็นการกระทำที่ไม่เป็นความผิดแต่อย่างใดไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า จำเลยไม่มีเจตนาทุจริต การกระทำของจำเลยจึงขาดองค์ประกอบภายในของความผิดฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 334 นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น อย่างไรก็ตาม จำเลยเป็นผู้ทำสัญญาเช่าซื้อรถแทนผู้เสียหายที่ 2 โดยผู้เสียหายที่ 2 ตกลงจะให้จำเลยกู้ยืมเงินเป็นการตอบแทน แล้วผู้เสียหายที่ 2 ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงให้ครบถ้วน เป็นเหตุให้จำเลยเอารถที่เช่าซื้อไปจากผู้เสียหายที่ 2 ถือว่า ผู้เสียหายที่ 2 มีส่วนผิดด้วย พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องที่ไม่ร้ายแรง ประกอบกับหลังเกิดเหตุ จำเลยขับรถกระบะไปที่บริษัทโตโยต้าตราด ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด เพื่อจะส่งมอบรถคันดังกล่าวคืนให้แก่ผู้เสียหายที่ 2 แต่ผู้เสียหายที่ 2 นำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุมจำเลยก่อน ถือได้ว่าจำเลยพยายามบรรเทาผลร้ายแห่งความผิดแล้ว ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เห็นสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดี โดยรอการกำหนดโทษไว้ ซึ่งน่าจะเป็นผลดีแก่จำเลยและสังคมส่วนรวมมากกว่าการลงโทษจำคุกจำเลยและรอการลงโทษไว้ แม้จำเลยไม่ได้กล่าวอ้างปัญหาข้อนี้ในชั้นฎีกา แต่ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และมาตรา 225 บทความที่น่าสนใจ-การด่าตำรวจจราจรว่ารับสินบนจะมีผิดความหรือไม่ -ส่งมอบโฉนดให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้เป็นหลักประกันต่อมาไปแจ้งความว่าโฉนดหายมีความผิดต้องโทษจำคุก -การปลอมเป็นเอกสารจำเป็นต้องมีเอกสารที่แท้จริงหรือไม -การลงลายมือแทนกันเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร -เมื่อครอบครองปรปักษ์ที่ดินแล้ว ต่อมาเกิดที่งอกใครเป็นเจ้าของที่งอกนั้น -ขายฝากที่ดินต่อมาผู้ขายได้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดิน แต่ไม่ได้ไถ่ภายในกำหนดบ้านเป็นของใคร -ไม่ได้เข้าร่วมในการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม -ปลูกต้นไม้ในทางสาธารณะสามารถฟ้องให้รื้อถอนออกไปได้ -การทำสัญญายอมในศาลโดยการครอบครองในป่าสงวน -เจ้าของรวมนำโฉนดที่ดินไปประหนี้เงินกู้ผลเป็นอย่างไร -การต่อเติมภายหลังปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำ -คนต่างด้าวก็สามารถครอบครองปรปักษ์ได้ -ผู้รับการให้ด่าว่าผู้ให้ ผู้ให้สามารถเพิกถอนการให้ได้ -ยกที่ดินให้แล้ว แต่มีสิทธิเก็บกินโดยไม่ได้จดทะเบียนผลเป็นอย่างไร -ฟ้องเรียกค่าขาดกำไร เป็นค่าเสียหายพฤติการณ์พิเศษ -หนังสือทวงถามส่งไปที่บ้านตามภูมิลำเนาอ้างว่าไม่ได้รับได้หรือไม่ -การยินยอมของเด็กที่ให้ล่วงละเมิดทางเพศ ยังคงเป็นความผิดฐานละเมิด -ดูหมิ่นเรียกค่าเสียหายได้เท่าไหร่ -ตั้งใจไปกู้แต่เจ้าหนี้ให้ทำสัญญาขายฝากผลเป็นอย่างไร -คำมั่นจะให้เช่าเป็นการแสดงเจตนาฝ่ายเดียว -การโอนสิทธิการเช่าทำได้หรือไม่
|